วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พุทธจริยา
    คือ  การปฏิบัติตนหรือการบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้า  พุทธจริยาประกอบด้วยพระจริยวัตรขอพระพุทธเจ้า  3  ประการ ดังนี้
1. โลกัตถจริยา  การบำเพ็ญประโยชน์ต่อชาวโลก
2. ญาตัตถจริยา  การบำเพ็ญประโยชน์แก่พระประยูรญาติ
3. พุทธัตถจริยา  การบำเพ็ญประโยชน์แก่พระองค์เองและผู้อื่นตามหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะทรงเป็นพระพุทธเจ้า
1. โลกัตถจริยา 
    คือ  การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้าต่อชาวโลก  ภายหลังการตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  มีดังนี้
   2.1 เวลาเช้ามืดก่อนสว่าง ทรงพิจารณาถึงบุคคลหรือสถานที่ที่จะเดินทางไปโปรด
   2.2 เวลาเ้ช้า เสด็จออกบิณฑบาตร
   2.3 เวลาเย็น แสดงธรรมโปรดประชาชน
   2.4 เวลาค่ำ ประทานโอวาทแก่พระภิกษุ
   2.5 เวลาเที่ยงคืน สนทนาธรรมกับเทวดา (กษัตริย์หรือบุคคลชั้นสูง)
2. ญาตัตถจริยา
     คือ  การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้าต่อพระประยูรญาติ ซึ่งประกอบด้วย พระญาติวงศ์ 2 ฝ่าย ตั้งบ้านเมืองอยู่สองฝั่งแม่น้ำโรหิณี ได้แก่ ฝ่ายพระะมารดาที่เมืองเทวทหะ แคว้นโกลิยะ และฝ่ายพระบิดาที่เมืองกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ สรุปพุทธจริยาในข้อนี้ได้ดังนี้
    2.1 โปรดพระบิดา(พระเจ้าสุทโธทนะ) และพระประยูรญาติที่เมืองกบิลพัสดุ์  ภายหลังตรัสรู้ได้ 2 ปี ได้เสด็จไปแสดงธรรมเผยแผ่พระศาสนา ณ เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นผลให้พระบิดาและพระญาติวงศ์เกิดความศรัทธาเข้ารับนับถือในพระพุทธศาสนาจำนวนมาก
    2.2 โปรดพระนางพิมพาและพระราหุล ผลจากการเสด็จไปแสดงธรรมเทศนาโปรดพระประยูรญาติในครั้งนี้ พระนางพิมพา(พระมารดาของพระโอรสราหุล) ได้ขออุปสมบทเป็นภิกษุณี ต่อมาได้ื่อใหม่ว่า "ภัททากัจจานา" และพระราหุล พระโอรสได้ขอบวชเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา
    2.3 ทรงระงับกรณีพิพาทระหว่างพระญาติ  โดยมีสาเหตุจากราษฎรชาวเมืองกบิลพัสดุ์กับชาวเมืองโกลิยะขัดแย้งกันเรื่องการทดน้ำเข้านาในช่วงฝนแล้ง ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำโรหิณีมีปริมาณลดต่ำลง ทำให้กองทัพทั้งสองฝ่ายเตรียมทำสงครามแย่งน้ำกัน พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปห้าม
3. พุทธัตถจริยา
    คือ  การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้าตามหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะที่ทรางเป็นพระบรมศาสดา  มีดังนี้
    3.1 ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์  สัตว์โลกที่พึงสั่งสอนอบรมขัดเกลาได้
    3.2 ทรงบัญญัติพระวินัยแก่พุทธบริษัท ได้แก่ ศีล 5 (ชาวพุทธทั่วไป) , ศีล 8 (อุบาสกและอุบาสิกา) , ศีล 10 (สามเณร)  , ศีล 227 (ภิกษุ)  , ศีล 311 (ภิกษุณี)
    3.3 ทรงมอบความเป็นไทยให้แก่คณะสงฆ์  เช่นมอบอำนาจให้คณะสงฆ์ในชนบทบริหารและปกครองกันเอง และทำพิธีบวชให้แก่ผู้ศรัทธาเลื่อมใส โดยไม่ต้องยึดติดกับพระพุทธองค์
    3.4 ทรงประกาศให้พระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์  ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรงให้โอวาทแก่พระสงฆ์และพุทธบริษัทให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นที่พึ่ง หรือเป็นศาสดาแทนพระองค์

                                                                   อริยสัจ 4
  คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ  เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และใ้ช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาชีวิตของชาวพุทะ มีดังนี้
1. ทุกข์  คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความโศกเศร้าเสียใจ (สภาวะที่ต้องกำหนดรู้)
2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ส่วนใหญ่เกิดจากตัณหา (สภาวะที่ต้องละเว้น)
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ สภาวะที่ทุกข์หมดสิ้น (สภาวะที่ต้องบรรลุ)
4. มรรค คือ ข้อปฏิบัติที่ทำให้ทุกข์ดับ เรียกว่า มรรคมีองค์ 8 (สภาวะที่ต้องเจริญหรือทำให้มี)
                                       **********************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น